เรื่องเล่า..ตำนานไก่ชน "พม่า vs ป่าก๋อย สายพันธุ์คู่อาฆาต"

เรื่องเล่า..ตำนานไก่ชน

ดำเนินเรื่องโดย บก.แจ็ค


พม่า vs ป่าก๋อย สายพันธุ์คู่อาฆาต
ประวัติศาสตร์การต่อสู้กันระหว่าง 2 สายพันธุ์ในวงการไก่ชน 
    ก่อนการมาถึงของสายพันธุ์ป่าก๋อย  อดีตที่ผ่านมาวงการไก่ชนของประเทศไทยสายพันธุ์ที่เป็นเจ้าสังเวียนและเห็นออกทำการแสดงอยู่ทั่วทุกสนามคือสายพันธุ์พม่าไม่ว่าจะเป็นพม่าง่อน พม่าลูกผสม หรือเป็นพม่าร้อยก็ตาม เนื่องจากความโดดเด่นของสายพันธุ์ที่มีความฉลาดในการเอาตัวรอด หลุดรอด ถอดขยับ เข้าปีกมีวิ่งออก เชิงชนที่ว่าร้าย ยังไม่เท่ากับอาวุธที่เด็ดขาด การเปิดแผลไว บางสายพันธุ์เป็นพม่าที่จ้องแต่จะตีแต่หูกับตา ไก่ไทยเดินยกหน้าขึ้นไปหน่อยก็เปิดช่องให้มันเหวี่ยงแข้ง2-3ทีก็บอดแล้ว ยิ่งไก่พนัส เลี้ยวแกนคอสวยๆยิ่งตายไว ยืนเลี้ยวบนมันลอดๆอยู่หน้าคางหลุดมาตีหูตีตาเล่นเอาสูญพันธุ์ไปเลย มีที่ไหนล่ะครับตอนนี้ ไอ้พวกพม่าเห็นเป็นขนมทานเล่นกันเลยทีเดียว และ20กว่าปีก่อนหน้านี้บัลลังก์ของสายพันธุ์พม่าก็ถูกสั่นคลอนโดยการมาของไก่ชนสายเลือดไทยพัฒนาที่เรียกกันว่าสายพันธุ์ป่าก๋อย วิ่งเข้ากัดกระชาก ลากไปตี กัดถอนขน ตีเข้าลำตัว ก็พอจะเบียดๆได้ในยุคก่อน มีผัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ส่วนทางพม่าก็ได้มีวิวัฒนาการการพัฒนาสายพันธุ์ของบรีดเดอร์  ออกมาอีก 2 สไตล์เพื่อต่อกลอนกับไก่ป่าก๋อยโดยเฉพาะ สไตล์แรกคือพม่าญี่ปุ่น หรือพม่าแต่ง แต่จริงๆแล้วเป็นการชนของไก่ที่มีเชิงชนคล้ายๆกับไก่พนัสนี่แหละครับ บังคับแกนบน ตีเข้าหัว ไปอาจจะสีสันและหน้าตาคล้ายๆไปทางพม่า สไตล์นี้เรียกว่าฝันร้ายของไก่ป่าก๋อย เพราะมันจะบังคับเข้าปีกมันก็หมุนออก บังคับตีข้อหัว ปากไว ป่าก๋อยจริงๆบางทีเจอสไตล์แบบนี้ก็ไม่ได้เงยขึ้นมาเลย  อีกสไตล์ 1 ของพม่าที่พัฒนามาก็คือ ม้ายาวนานๆอาจจะโผล่ตัวเก่งๆออกมาให้เห็น แต่ถ้ามีตัวเก่งก็ราคาสูงเลย เป็นสไตล์และเป็นความท้าทายของนักพัฒนาสายพันธุ์พม่าด้วยเช่นกัน ในยุคนี้ดูพม่าจะมีการพัฒนาก้าวล้ำสายพันธุ์ป่าก๋อยไปอีกหนึ่งก้าว คำว่าพม่าญี่ปุ่น เป็นคำถามคาใจของใครหลายคน ว่าญี่ปุ่นจากโตเกียว หรือญี่ปุ่นที่เป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรีนั่นก็คือพนัสนี่เอง
   
  กระทั่งมาถึงการจุติของเทพเจ้าแห่งป่าก๋อย สามเอี่ยว ที่มีนามว่าเจ้าทุเรียน คือพ่อพันธุ์หลักของเสี่ยเอี่ยวเทพเจ้าป่าก่อให้แห่งซุ้มสามเอี่ยว เอกลักษณ์และจุดขายก็คือลูกตีรัวบนหลัง หรือภาษาไก่ชนเรียกว่า "สโล่หลัง" บวกกับร่างกายกระดูกโครงสร้างเหมือนไก่ไซง่อน มีเชิงชนที่รวดเร็วคล้ายๆกับไก่ตราด แต่เป็นการวิ่งหัวต่ำเข้าไปแล้วประกบบนหลัง จับได้ตีรัวลงประมาณ 4-5 แข้งเป็นอย่างน้อยในการบินครั้งเดียว  หน้าดำ หลังแตก ขาไม่มีแรงเดิน บินก็เหมือนตกน้ำ แล้วอาการนี้พม่าไม่มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้ พลังของแช่งได้เข้าไปทำลายระบบประสาทการตอบโต้ ได้แต่ยืนทำตาปริบๆ เป็นเป้านิ่ง และแพ้แทบทุกตัว อยู่ที่ว่าถ้าไม่แพ้น้องก็แพ้นอน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำไมป่าก๋อยในยุคนี้ทำไมต้องยอมเสียเปรียบพม่า ในตอนหน้าเดี๋ยวเราไปดูสายพันธุ์ป่าก๋อยที่ให้ลูกมีผลงานชัดเจนจะเป็นพ่อพันธุ์ตัวไหนไปติดตามกันคอลัมน์หน้าครับ