บ้านไก่ชน
หน้าแรก
ข่าวสาร
เปรียบไก่
โปรแกรมการแข่งขัน
ถ่ายทอดสด
คลิปย้อนหลัง
รายการบ้านไก่ชน
สมัครสมาชิก
login เข้าสู่ระบบ
ย้อนกลับหน้า ข่าวสาร
เรื่องเล่า...ของตำนานไก่ชน " อาจารย์โม กิตติ จิตรไพบูลย์ มือน้ำแห่งเมืองแปดริ้ว"
วันที่อัพเดต :
28/06/2568 17:32:57
#บ้านไก่ชน
#ข่าวสารไก่ชน
#บกแจ็ค
#มือน้ำแห่งเมืองแปดริ้ว
#เรื่องเล่าของตำนานไก่ชน
เรื่องเล่า...ของตำนานไก่ชน
ดำเนินเรื่องโดย บก.แจ็ค
อาจารย์โม กิตติ จิตรไพบูลย์ ปรมาจารย์ตำนานมือน้ำแห่งเมืองแปดริ้ว
เรื่องราวของหนุ่มสูงวัยผมสีขาวทั้งหัว ใส่แว่น ตัวเล็ก ใส่เชิ้ตลายตารางหลวมๆ ใส่กางเกงสั้นยี่ห้อเจเจ เดินเท้าเปล่าอยู่ในสนามไก่ชน เดินไปทางไหนก็มีแต่คนยกมือไหว้ อัธยาศัยดียิ้มแย้ม บางครั้งก็มีเสียงหัวเราะออกจากใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้ม คำพูดอาจจะไม่หวานหูสักเท่าไหร่สำหรับคนที่เพิ่งเคยได้เห็นหรือเคยได้สัมผัส
"กู"
ใช้เป็นสรรพนามแทนตัว และ
"มึง"
แทนชื่อผู้สนทนาด้วย ภาษาสมัยพ่อขุนราม ด่าบ้าง ตะโกนเรียกชื่อบ้าง ไอ้โน้น ไอ้นี่ แต่คนที่หันมาจากการร้องเรียกต่างยิ้มแย้มและก้มหัวพนมมือด้วยความเคารพแทบทุกคน
เมื่อเกือบ
20
ปี ที่ผ่านมาตัวผมเองอยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง อายุย่างเข้าเบญจเพส
25
ปีบริบูรณ์ หลังจากที่ผิดหวังน้อยเนื้อต่ำใจจากที่ทำงานแห่งเก่า เรื่องที่ถูกวางตัวไปเป็น
เมเนเจอร์ คุมฟิตเนสที่สาขารัตนาธิเบศร์
แต่ถูกถอดออก ด้วยความประพฤติเรื่องชู้สาวจึงถูกระงับการเลื่อนตำแหน่ง จากเงินเดือนรวมค่าคอมมิชชั่นรับต่อเดือนไม่ต่ำกว่า
50,000
บาท ผมตัดใจหันหลังให้กับวงการ เซลล์ฟิตเนส ลาออกโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าจะไปทำงานอะไร เก็บของจากที่ทำงานเก่ากลับที่พัก ก่อนจากที่ทำงานเก่าครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่ลืมที่จะคว้านิตยสารไก่ชนเล่ม
1
มีชื่อว่า
"เซียนไก่ชน"
ติดมือมาด้วย
เปิดเห็นประกาศรับสมัครบรรณาธิการฝ่ายข่าวประจำนิตยสารเซียนไก่ชน รุ่งเช้าไม่ได้รอที่จะเข้าไปสมัครงานและได้ทำงานที่นั่น และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของ คอลัมน์
"ตำนานมือน้ำที่ดีที่สุดตลอดกาลของประเทศไทย"
ในฐานะนักข่าวหน้าใหม่ของ
นิตยสารเซียนไก่ชน
ผมไม่มีโอกาสเข้าไปทำข่าวที่
สนามไก่ชนเทิดไท
แทบทุกอาทิตย์ เพื่อเขียนข่าวความเคลื่อนไหวของวงการไก่ชน ในตอนนั้น
สนามไก่ชนเทิดไท
ถือว่าเป็นสนามเปิดใหม่ที่มิตรรัก แฟนไก่ชนจากทั่วประเทศ หลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ เพราะที่นี่มีไก่ชนเงินล้านแทบทุกเดือน ที่นี่จึงเป็นแหล่งข่าวที่สำคัญของบรรดานักข่าวไก่ชนอย่างพวกเรา ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ในวงการ ผมไม่รู้จะคุยกับใคร แต่ละคนก็ต่างหน้าตาคร่ำเคร่ง มองดูแล้วไม่น่าจะเป็นมิตรเลยถ้าเข้าไปคุยด้วย และมาครั้งไหนก็จะเห็นลุงหัวขาวใส่เสื้อเชิ้ตคนนี้เดินเท้าเปล่าอยู่แถวนี้ตลอด ไม่ได้คุยกับใครแล้วจะเอาข่าวจากไหนไปเขียนส่งเป็นต้นฉบับ
เอาวะ!
เข้าไปคุยกับลุงแก่ๆนี่แหละว่ะ คุยกับคนอื่นหน้าตายิ้มแย้มอย่างน้อยเขาก็ต้องคุยกับเราบ้างล่ะ สวัสดีครับ พร้อมกับยกมือไหว้ ลุงรับคำสวัสดีคนแปลกหน้าอย่างผมด้วยการพยักหน้า และตอบกลับด้วยคำหวานๆว่า
"มึงเป็นใครวะ"
ผมได้ยินถึงกับหน้าชาเลย ผมทำตลกกลบเกลื่อนหัวเราะแห้งๆ แนะนำตัวผมเป็นนักข่าวไก่ชนครับ ดูหัวจรดเท้าลักษณะการแต่งตัว ผมถามลุงว่า ลุงเป็นภารโรงที่นี่เหรอครับ ผมไม่รู้จักใครเลยขอสัมภาษณ์ลุงหน่อยนะครับ จังหวะที่แกนั่งลงพอดีที่มานั่ง ผมเลยถือโอกาสนั่งด้วย อย่างน้อยคุณลุงใจดีคนนี้ก็คือคนแรกที่ผมกล้าคุยด้วย แกบอกว่าแกตามพรรคพวกเอาไก่มาชนที่นี่ มาบ่อยบ้านอยู่ไม่ไกลจากสนามนี่เอง หลังจากนั้นอีก
2
สัปดาห์ผมมาตลอดและทักทายลุงทำทรงสนิทกับเขาไปเลย ความสัมพันธ์ลุงกับผมเริ่มคุยกันมากขึ้นแต่ผมก็ยังไม่เคยถามชื่อลุงเลย
และครั้งที่ทำให้ผมรู้สึกช็อคที่สุดก็เห็นจะเป็นนัดประวัติศาสตร์ของ
สนามเทิดไท
แห่งนี้เป็นคู่ชนระหว่าง
ซุ้มแตงโมจากจังหวัดระยอง
ปะทะ
ซุ้มโฮคิทเช่น
ไก่รองบอลของ
สนามเทิดไท
ผมเดินตามหาลุงคนเดิม เดินหาหลายรอบจนคิดว่านัดนี้ลุงเขาอาจจะไม่มา และเมื่อถึงเวลาคู่ประวัติศาสตร์ชิงเดิมพันรวม
11,000,000
บาท ก็เป็นหน้าที่ของนักข่าวที่จะต้องเข้าไปในสังเวียนกลางของ
สนามเทิดไท
แห่งนี้ เพื่อถ่ายรูปให้ได้มากที่สุด เพื่อลงปกนิตยสารข่าวนี้เรียกความสนใจและเรียกยอดขายให้กับหนังสือเซียนไก่ชนได้มากอย่างแน่นอน
ผอ.เจษฎา อาภาภิรักษ์
เจ้าของนิตยสาร
คำพูดเพราะๆของแกยังกองอยู่ในนักข่าวหน้าใหม่อย่างผม กำชับก่อนออกมาทำงานว่า
"มึงเข้าไปถ่ายรูปกลางสังเวียนมุดเข้าไปเลยแล้วถ่ายรูปมาให้ได้มากที่สุด"
ผมเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็เพิ่งเคยเห็นคนที่มาดูไก่ชนเยอะขนาดนี้ เต็มความจุของ
สนามเทิดไท
ล้นไปถึงข้างบนอัฒจันทร์ชั้นบนสุด ในสังเวียนกลางทีมงานของทั้งสองฝ่ายรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการไก่ชน อาทิเช่น
ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์เทพสุทิน เฮียฮง โฮคิด เช่น
รวมถึง
ท่านชาดา ไชยเศรษฐ์
เป็นสักขีพยานในนัดประวัติศาสตร์นี้ด้วย ผมเข้าไปถ่ายรูปทางฝั่งรองบ่อนซุ้ม
โฮคิทเช่น
ซึ่งมาทราบตอนหลังว่ามีน้ำคนปล่อยไก่คือพี่รงค์ เสียงอึงร้องโหวกเหวกทำให้นักข่าวหน้าใหม่อย่างผมหูอื้อตาลาย หลังจากนั้นผมต้องเข้าไปถ่ายทางฝ่าย
ซุ้มแตงโม
ในจังหวะมือน้ำกำลังนั่งเช็ดน้ำเอียงข้าง ผมเอี้ยวตัวเพื่อจะถ่ายให้ได้ลูกทั้งมือน้ำและใจให้เห็นชัดเจน สายตาที่มองผ่านเลนส์ กะตำแหน่งให้อยู่ตรงกลาง จังหวะที่ผมกดชัตเตอร์ ไฟจากแฟลตที่ตั้งเป็นอัตโนมัตวัดค่าแสงต่ำกว่าปกติ ไฟแฟลชสว่างวาบพร้อมกับการกดชัตเตอร์ ซึ่งห่างจากมือน้ำประมาณแค่วาเดียว แสงแฟลตเข้าหน้าเต็มๆ
พร้อมกับเสียงที่มาจากคนเช็ดน้ำไก่
"มึงไปถ่ายไกลๆกูหน่อย"
เสียงที่คุ้นหูและภาพที่ได้เห็นคือ ลุงคนที่ผมนั่งคุยเป็นประจำ ซึ่งไม่คิดว่าจะทำหน้าที่มือน้ำซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดและเป็นตัวชี้วัดชัยชนะของคู่ไก่นักประวัติศาสตร์
11
ล้าน หลังจากถ่ายรูปเสร็จผมออกมาจากสังเวียนใหญ่และถามคนที่อยู่หน้าปากประตูทางเข้าของสังเวียนกลาง ชื่อของคุณลุงคือ
อาจารย์โม มือน้ำรุ่นเก่า
ฝีมือระดับปรมาจารย์ ที่มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่เต็มไปหมด เขาคือกระบี่มือหนึ่งของการให้น้ำไก่ในดวงใจของใครหลายคน
นี่เป็นเพียงแค่ปฐมบทของตำนานเกจิอาจารย์ที่มีฝีมือชั้นครูในเรื่องของการให้น้ำ และต่อจากนี้ไปทุกๆวันจะเป็นเรื่องราวอัตชีวประวัติ และเทคนิคต่างๆ รวมถึงเคล็ดวิชาที่ถูกถ่ายทอดมาแบบปากต่อปาก เรียบเรียงโดยผมเองจากวันนั้นถึงวันนี้ประสบการณ์เกือบ
20
ปีจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่อาจารย์โมได้เล่าเป็นเรื่องราวแปลงเป็นตัวหนังสือเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อ่านและคนรุ่นใหม่ทุกคน......ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยครับ
Ready to Leave?
×
คลิกปุ่ม "Logout" เพื่อสิ้นสุดการทำงาน.
เปลี่ยนรหัสผ่าน
×